ลุยศึกษารถบรรทุกไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน ช่วยลดต้นทุน-ลดฝุ่น

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น สหพันธ์ขนส่งฯ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีการรณรงค์ให้ใช้รถบรรทุกไฟฟ้า โดยมีแนวคิดที่เปลี่ยนรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล มาเป็นใช้รถบรรทุกไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ทดสอบความเหมาะสมการเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้า เนื่องจากเวลารถบรรทุกไฟฟ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำให้เกิดระเบิดและเสียหายทั้งคัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สหพันธ์ขนส่งฯ ยังเกิดความกังวลอยู่ ดังนั้น หากจะนำรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้จริงจะต้องมีความปลอดภัย

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับการศึกษาครั้งนี้จะมีการทดสอบเกี่ยวกับสมรรถนะของรถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อเปรียบเทียบระบบการทำงานกับรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล การบำรุงรักษารถบรรทุกไฟฟ้า การทดสอบอุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ระบบเบรก การเหยียบคันเร่ง เป็นต้น รวมทั้งบริการหลังการขายบริษัทจะมีการดูแลอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า เนื่องจากรถบรรทุกไฟฟ้าที่นำมาใช้งานนี้มีระยะทางไกล ประมาณ 300-500 กิโลเมตร (กม.) และมีการเดินทางขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ดังนั้น จะต้องดำเนินการติดตั้งสถานชาร์จประจุไฟฟ้าบริเวณสถานีต้นทาง กลางทาง และปลายทางด้วย เพื่อให้เกิดการเดินทางที่ต่อเนื่องและไม่เกิดปัญหาตามมา รวมถึงระยะเวลาในการชาร์จประจุไฟฟ้า อย่างเร็วจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 1 ชมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 30 นาที เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางและส่งสินค้าตรงต่อเวลาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นอกจากนี้ เรื่องแบตเตอรี่ ปัจจุบันพบว่าแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะสามารถใช้งานได้ 6 ปี จากนั้นแบตจะเสื่อม ขณะที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงใช้งานได้ 7-10 ปี ดังนั้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากรถไฟฟ้าจะมีราคาแพง เพราะมาจากแบตเตอรี่ เช่น รถบรรทุกไฟฟ้าต้นทุนคันละ 5-6 ล้านบาท ส่วนรถบรรทุกใช้น้ำมันดีเซลต้นทุนคันละ 2.8 ล้านบาท ซึ่งมีราคาต่างกันเท่าตัว ทั้งนี้ จะศึกษาการประหยัดต้นทุนด้านเชื้อเพลิงด้วย เพราะในระยะยาว รถบรรทุกไฟฟ้าจะช่วยประหยัดได้มากกว่ารถบรรทุกที่ใช้น้ำมัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการศึกษาเรื่องนี้จะแล้วเสร็จช่วงเดือน เม.ย. 66 จากนั้นสหพันธ์ขนส่งฯ จะตัดสินใจวางแผนในการปรับเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในอนาคตต่อไป ขณะนี้สมาชิกรถบรรทุกสหพันธ์ขนส่งฯ ที่มีประมาณ 400,000 คันทั่วประเทศ เบื้องต้นมีความสนใจเรื่องนี้อยู่ ดังนั้น หากสามารถดำเนินการเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าได้จะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในประเทศ และลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าได้ในอนาคต